
อารยธรรม จังหวัดสุรินทร์ เป็นจังหวัดหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่ ภาคอิสาน จะว่าไป ก็ต้องมี ประวัติความเป็นมา ที่ยาวนาน งั้นเราเลย จะพาทุกท่าน ไปดูประวัติความเป็นมา ของจังหวัดสุรินทร์ หนึ่งในจังหวัดที่ มีความเก่าแก่ มาช้านาน ซึ่งสังเกตุ ได้จากโบราณ ณ สถาน ปราสาทต่างๆ ที่เป็นแหล่ง ท่องเที่ยวหลัก ของที่นี่ รวมทั้งมีการแสดง ละเล่นของช้าง ที่มีจำนวนมากกว่า 100 เชือก และเป็นสถานที่ ที่มีการ เลี้ยงช้างใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มต้นเรา จะขอนำเสนอ ประวัติของจังหวัดแห่งนี้ กันก่อนเลยค่ะ
ประวัติความเป็นมา อารยธรรม จังหวัดสุรินทร์
สุรินทร์ เป็นจังหวัด ที่มีประวัติศสาตร์ มาอย่างยาวนาน โดยสันณิษฐานได้ว่า ดินแดนแห่งนี้ น่าจะถูกสร้าง ขึ้นมาเมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว ในสมัยที่ขอมมีอำนาจ และเมื่อขอม เสื่อมอำนาจลง เมืองสุรินทร์ ก็ได้ถูกทิ้งร้างไป ซึ่งสังเกตุเห็นได้จาก โบราณ ณ สถานที่ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปราสาทตาเมืองธม ปราสาททนง ปราสาทบ้านไพล ปราสาทบ้านจารย์ ปราสาทหมื่นชัย เป็นต้น
ตราประจำจังหวัด
ตราประจำจังหวัดสุรินทร์ เป็นรูปของ พระอินทร์ประทับนั่ง ขัดสมาธิบนหลังช้าง หัตถ์ขวาทรงตรี หัตถ์ซ้าย ทรงพระแสงขอช้าง และมีภาพปราสาท สลักปรักพัง เป็นฉากอยู่ด้านหลัง และมีครุฑพ่าห์อยู่ด้านหน้าภาพ

กลุ่มชาติพันธุ์
ชาวไทย กูย เกอ ยอ เป็นชุมชน กลุ่มกูยหรือ กวย หมายถึง ชนชาติพันธุ์ เก่าแก่ มีอารยธรรม อันดีงาม ร่วมกันกับชนเผ่าอื่น ในดินแดนประเทศไทย อาศัยอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว นอกจากนี้ ชาวกุยหรือกวย ปัจจุบันใช้ภาษานี้ สื่อสารกัน ในชีวิตประจำวัน ยังคงสืบทอดมา จนถึงทุกวันนี้ ชาวกูยจะมีลักษณะ รูปร่างผิวค่อนข้างคล้ำ
ประว้ติศาสตร์ เคยครอบครองดินแดน แถบที่ราบสูง ในเขตเทือกเขาพนมดงรัก และลงไปจนถึงทะเลสาบ ในประเทศกัมพูชา รวมไปถึง ในเขตลาวใต้ และเวียดนามใต้บางส่วน ทั้งนี้ยังมีการบันทึก สิทธิทางการค้า เท่าเทียมพ่อค้า ชาวตะวันตก บรรพบุรุษในอดีต มีการเดินทาง ค้าขาย และมีการย้ายถิ่น อยู่ไปมา ระหว่างกันเสมอ
ศาสนาและความเชื่อ
จะเป็นลักษณะ ผสมผสานระหว่าง พระพุทธศาสนา กับการนับถือผี ในชุมชนจะมีทั้งวัดและศาลผี ประจำหมู่บ้าน ในแต่ละบ้าน ก็จะหิ้งบูชา ผีบรรพบุรุษทางบ้าน และจะสรา้งศาลผีบรรพบุรุษไว้ใกล้กับศาลเจ้าที่บ้าน อีกทั้งในบ้าน จะมีหิ้งพระ ประจำไว้ภายในบ้าน
ลักษณะหมู่บ้านที่อาศัย
จากหลักฐาน ในประวัติศาตร์ชาติไทย ดั้งเดิมตัวบ้าน มีลักษณะใต้ถุนสูง โดยเฉพาะบ้าน ที่มีการเลี้ยงช้าง ตัวบ้านจะยกใต้ถุนสูง เป็นพิเศษ หรือสูงกว่า บ้านคนอื่น เพราะลักษณะนี้ ช่วยทำให้ช้าง
สามารถเดินไปมา หรือพักได้สะดวก อีกทั้งปรับดิน ใต้ถุนเรือน ให้มีลักษณะเป็นเหมือน หมอน เอาไว้ให้ช้างนอน หมุนตอนกลางคืน ได้นั่นเอง นอกจากนี้ จะใช้บริเวณใต้ถุนบ้าน เป็นพื้นที่ใช้สอยกัน มากกว่าบริเวณอื่น เป็นต้น
การแต่งกาย
การแต่งกาย ของชาวสุรินทร์ แบ่งออกเป็น
1.เชื้อสายเขมร มีลักษณะ คล้ายคลึงกับคน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แทบทุกประเทศ นั่นคือ ผู้ชายนุ่งโสร่ง ผู้หญิงนุ่งซิ่น ทั้งนี้ ความแตกต่างอยู่ที่วัสดุ ที่ใช้ในการทำโสร่งหรือซิ่น ชาวสุรินทร์นิยมใช้ผ้าไหม ในการทำสิ่งเหล่านี้
สตรีชาวสุรินทร์ ยามเวลาอยุ่บ้านปกติ จะนิยมใช้ ผ้าซิ่นไหม ทอสลับสีกัน ถ้าเป็นผ้าซิ่นสีเขียวขี้ม้าสลับขาว เรียกว่า ผ้าสระมอ ส่วนผ้าสีส้มสลับขาว เรียกว่า ผ้าสาคู แต่ถ้าหาก ไปงานสำคัญๆ หรทอ งานพิธีต่างๆ ที่ต้องออกจากบ้าน
มักจะนิยมใส่ผ้าซิ่น ที่มีลักษณะ สวยงามเป็นพิเศษ อาจจะเป็นผ้า ฮาโล หรือผ้ามัดหมี่ ส่วนเสื้อจะเป็นเสื้อผ้าไหม ที่ทอยกดอก และมีสไบเฉียง เป็นลายยกดอกด้วย
2.เชื้อสายกูย ลักษณะหญิงสูงอายุ จะนุ่งผา้ ที่มีลายใส่เสื้อคอกระเช้า ใส่สร้อยคอลุกปัดเงิน นิยมใส่ดอกไม้หอม ไว้ที่ติ่งหู ชาวกุยนิยมทอผ้า เช่น ผ้าจิกกะน้อย
เป็นผ้า ที่มีลักษณะคล้าย ผ้าหางกระรอก มีสีเดียว เป้นผ้าสำหรับผู้ชาย นุ่งในพิธีสำคัญๆ และการนุ่งนั้น จะพับจีบด้านหน้า เหมือนการนุ่งสโร่ง ผ้านุ่งสตรีนิยม ทอหมี่คั่นเป็นแนว

ภูมิปัญญาผ้าทอพื้นเมือง
เกิดจากองค์กรความรู้ ที่สั่งสมอยู่ในชาติพันธุ์ เขมร ลาว กูย แต่แตกต่าง ที่เทคนิค การทอสี และลาย ซึ่งผ้าไหมมัดหมี่ ของเขมรถิ่นไทย เช่นผ้าไหม ของชาวบ้านโพธิ์กอง ได้รับยกย่องว่า โดดเด่น ในเรื่องความสวยงาม จากความกลมกลืน ของลวดลายสีสัน
ที่มาจาก การย้อมสีธรรมชาติ และมีเทคนิค การทอแบบโบราณ ผ้าทอพื้นเมือง ที่ฟื้นฟูมา สู่การพัฒนาอาชีพ โดยเปิด เป็นศูนย์กลาง เรียนรู้ชุมชน นอกจาก จะรักษามรดก ภูมิปัญญา ที่เป็นเอกลักษณ์ เฉพาะถิ่น ยังช่วยให้เยาวชน ใกล้ชิดกับวัฒนธรรม ของตนเองมากขึ้นด้วย
สถานที่ท่องเที่ยว
ทางเราจะขอยกตัวอย่างมาคร่าวๆ ให้กับท่านผู้ที่สนใจ อยากจะเที่ยว จังหวัดเมือง
แห่งมนต์ขลังแห่งนี้ ซึ่งขอบอกเลยว่า ไม่ผิดหวัง แน่นอนค่ะ หวังว่าคงจะเป็นอีกแนวทาง ไม่มากหรือน้อย ที่จะทำให้เกิดความสนุก ตื่นเต้น น่าค้นหาผ่านทาง บาคาร่า666 ตามมากันได้เลยค่ะ

หมุ่บ้านช้างบ้านตากลางหรือศูนย์คชศึกษา
ถ้าพูดถึงจุดเช็กอิน แห่งแรก เมื่อมาเที่ยว พลาดไม่ได้เลยคือ หมุ่บ้านช้าง อาสัยอยุ่ในพื้นที่หมุ่บ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ชื่อดังของจังหวัด โดยไฮไลท์หลักๆ ของที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์ การจัดแสดงน้องช้าง สถานศึกษา และชมน้องช้างเล่นน้ำ วาดรูป เตะฟุตบอล เล่นบาส เป็นต้น
หรือหากน้องๆว่าง ก็สามารถขี่หลัง หรือลอดท้องช้าง ได้เช่นกัน ซึ่งน้องๆ ที่นี่เขาจะมีความคุ้นชินกับนักท่องเที่ยว เป้นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวอุ่นใจ ได้ในระดับนึง ส่วนค่าเข้าชมของที่นี่ จะมีอัตราเริ่มต้นที่10 ไปถึง 100 บาทค่ะ